ระบบไฟฟ้าในอาคาร คืออะไร มีอะไรบ้าง มีกี่ระบบ พร้อมแนะนำวิธีดูแลและซ่อมบำรุง

31 October 2025

ระบบไฟฟ้าในอาคาร คืออะไร

ระบบไฟฟ้าในอาคาร คือระบบที่ออกแบบและติดตั้งขึ้นเพื่อส่งและกระจายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และระบบต่าง ๆ ภายในอาคาร ทั้งบ้านพักอาศัย อาคารสำนักงาน โรงงาน หรือโกดังสินค้า เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้ทุกกิจกรรมภายในอาคารดำเนินได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย หากขาดระบบไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน อาจทำให้เกิดความเสียหายทั้งในด้านทรัพย์สินและความปลอดภัยของผู้ใช้งานได้

ระบบไฟฟ้าในอาคาร มีกี่ประเภท

โดยทั่วไป ระบบไฟฟ้าในอาคารแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละประเภทจะมีหน้าที่และลักษณะการใช้งานแตกต่างกัน ดังนี้

1. ระบบไฟฟ้าแรงต่ำ (Low Voltage System)

    ใช้สำหรับอาคารทั่วไป เช่น บ้านพักอาศัยหรือสำนักงานขนาดเล็ก โดยจ่ายไฟในระดับแรงดัน 220/380 โวลต์ เหมาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้ามาตรฐาน

    2. ระบบไฟฟ้าแรงสูง (High Voltage System)

      ใช้ในโรงงานหรืออาคารขนาดใหญ่ที่มีการใช้พลังงานสูง ต้องใช้หม้อแปลงไฟฟ้าเพื่อลดแรงดันก่อนจ่ายเข้าอาคาร

      3. ระบบไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉิน (Emergency Lighting System)

        เป็นระบบไฟสำรองสำหรับกรณีไฟดับ เพื่อให้ยังคงมีแสงสว่างในเส้นทางหนีไฟและพื้นที่สำคัญ

        4. ระบบอนุรักษ์พลังงาน (Energy Saving System)

          เช่น ระบบโซลาร์เซลล์ ช่วยลดการใช้ไฟจากการไฟฟ้าและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน

          ระบบไฟฟ้าในอาคาร มีอะไรบ้าง

          ระบบไฟฟ้าในอาคารประกอบด้วยหลายส่วนที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้ไฟฟ้าถูกส่งและใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

          1. ระบบจ่ายไฟฟ้า (Power Supply System)

            ทำหน้าที่รับไฟจากแหล่งจ่ายหลัก เช่น การไฟฟ้านครหลวง ผ่านหม้อแปลงที่ลดแรงดันให้เหมาะสมกับการใช้งานภายในอาคาร

            2. ระบบสายไฟฟ้า (Electrical Wiring System)

              เป็นโครงข่ายหลักที่กระจายไฟฟ้าไปยังจุดใช้งานต่าง ๆ โดยมักใช้ทั้งสายไฟหลัก สายภายใน และท่อร้อยสายเพื่อความเป็นระเบียบและปลอดภัย

              3. ระบบเต้ารับและสวิตช์ (Outlet and Switch System)

                เป็นส่วนที่ผู้ใช้งานสัมผัสโดยตรง ใช้ควบคุมการเปิด-ปิดไฟและจ่ายไฟไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ทีวี ตู้เย็น หรือคอมพิวเตอร์

                4. ระบบแสงสว่าง (Lighting System)

                  ช่วยให้พื้นที่ภายในอาคารมีความสว่างเหมาะสม ทั้งแสงทั่วไปและแสงตกแต่ง เพื่อความปลอดภัยและความสวยงามของพื้นที่

                  5. ระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร (Circuit Protection System)

                    ประกอบด้วยเบรกเกอร์ ฟิวส์ และอุปกรณ์ตัดไฟอัตโนมัติ เมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจร เพื่อป้องกันการช็อตหรือไฟไหม้

                    6. ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation System)

                      เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยควบคุมระบบไฟฟ้า เช่น ระบบไฟอัตโนมัติ ระบบล็อกประตู หรือระบบกล้องวงจรปิด เพิ่มความสะดวกและปลอดภัย

                      7. ระบบไฟฟ้าสำรอง (Backup Power System)

                        ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือ UPS เพื่อจ่ายไฟในกรณีไฟดับ โดยเฉพาะอาคารที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เช่น โรงงานหรือโรงพยาบาล

                        การดูแลตู้ไฟฟ้าของ ระบบไฟฟ้าในอาคาร

                        การดูแลตู้ไฟฟ้าของระบบไฟฟ้าในอาคารอย่างถูกวิธี เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ พร้อมลดความเสี่ยงจากความเสียหายหรืออุบัติเหตุทางไฟฟ้าได้อย่างมาก แนวทางการดูแลที่ควรปฏิบัติมีดังนี้

                        • ตรวจสอบสภาพภายนอกของตู้ไฟฟ้าเป็นประจำ เช่น ความแน่นของสกรู การมีคราบฝุ่น ความชื้น หรือร่องรอยความร้อนสะสม ซึ่งอาจส่งผลต่ออุปกรณ์ภายใน
                        • ตรวจสอบการทำงานของเบรกเกอร์และอุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ ให้แน่ใจว่ายังทำงานได้ตามปกติ เพื่อป้องกันปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรหรือโหลดเกิน
                        • ทำความสะอาดภายในและบริเวณรอบตู้ไฟฟ้า เพื่อลดการสะสมของฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่อาจเป็นสาเหตุของไฟฟ้ารั่ว
                        • บันทึกผลการตรวจสอบและซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อใช้วางแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) และยืดอายุการใช้งานของตู้ไฟฟ้า

                        งานซ่อมบำรุงตู้ไฟฟ้าของ ระบบไฟฟ้าในอาคาร

                        งานซ่อมบำรุงตู้ไฟฟ้าของ ระบบไฟฟ้าในอาคาร

                        เมื่อมีการตรวจพบความผิดปกติของระบบไฟฟ้า เช่น อุปกรณ์เสื่อมสภาพ เบรกเกอร์ทำงานผิดปกติ หรือมีสัญญาณของความร้อนสะสมในจุดเชื่อมต่อ การซ่อมบำรุงตู้ไฟฟ้าคือขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ระบบกลับมาทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีเสถียรภาพ

                        งานซ่อมบำรุงจะดำเนินการโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่ทำการตรวจสอบ วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาอย่างละเอียด เช่น

                        • เปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพหรือเสียหาย
                        • ปรับตั้งค่าระบบควบคุมและอุปกรณ์ป้องกันให้ทำงานตามมาตรฐาน
                        • ตรวจสอบความร้อนในจุดเชื่อมต่อด้วยเทอร์โมสแกน เพื่อป้องกันการเกิดไฟไหม้
                        • ทดสอบการทำงานของระบบหลังซ่อมบำรุง เพื่อให้มั่นใจว่าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

                        นอกจากการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว การซ่อมบำรุงยังเป็นโอกาสในการปรับปรุงระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การอัปเกรดอุปกรณ์ให้รองรับโหลดไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น หรือการติดตั้งระบบควบคุมอัจฉริยะเพื่อช่วยเฝ้าระวังสถานะของระบบแบบเรียลไทม์

                        สรุป

                        ระบบไฟฟ้าในอาคาร คือหัวใจหลักของทุกโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคารสำนักงาน หรือโรงงาน เพราะเป็นระบบที่คอยขับเคลื่อนการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัย การเลือกบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบและดูแลตู้ไฟฟ้าในระบบไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ

                        FAQ

                        Q: ทำไมระบบไฟฟ้าในอาคารจึงสำคัญต่อการก่อสร้าง?

                        A: เพราะเป็นระบบที่ช่วยจ่ายพลังงานให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าและระบบต่าง ๆ ภายในอาคาร หากติดตั้งผิดมาตรฐานอาจเกิดอุบัติเหตุหรือไฟไหม้ได้

                        Q: ตู้ไฟฟ้าของระบบไฟฟ้าในอาคารต้องตรวจเช็คบ่อยแค่ไหน?

                        A: ควรตรวจสอบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรหรือการรั่วของกระแสไฟ

                        Q: ระบบไฟฟ้าแรงสูงกับแรงต่ำต่างกันอย่างไร?

                        A: ระบบแรงต่ำใช้ในบ้านทั่วไป ส่วนระบบแรงสูงใช้ในอาคารขนาดใหญ่หรือโรงงานที่ต้องการกำลังไฟมากกว่า

                        Q: การดูแลตู้ไฟฟ้าของระบบไฟฟ้าในอาคารมีความสำคัญอย่างไร?

                        A: การดูแลตู้ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยการตรวจสอบสภาพภายนอกและการทำงานของอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้า ช่วยลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรและอุบัติเหตุ

                        Q: ทำไมควรให้บริษัทผู้เชี่ยวชาญดูแลระบบไฟฟ้าในอาคาร?

                        A: เพราะการออกแบบและดูแลระบบไฟฟ้าต้องอาศัยความรู้ด้านวิศวกรรม การคำนวณโหลดไฟ และการตรวจสอบตามมาตรฐาน เพื่อให้ระบบปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุไฟฟ้า

                        SK Power Electric พร้อมให้บริการตรวจสอบและซ่อมบำรุงตู้ไฟฟ้าในอาคารทุกประเภท ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ตรงในงานระบบไฟฟ้าอุตสาหกรรม ดำเนินงานตามมาตรฐานสากลทั้งในด้านความปลอดภัยและคุณภาพ เพื่อให้ระบบไฟฟ้าของคุณ พร้อมใช้งานอย่างเสถียร ปลอดภัย และยั่งยืนในระยะยาว


                        ☎️ Tel: 093-596-4288

                        🟢 Line: sk_powerelectric

                        📬 Email: sk_project2@hotmail.com

                        📘 Facebook: SK Power Electric

                        ผลงานของเรา

                        ตู้ควบคุมไฟฟ้าโรงงาน คืออุปกรณ์สำคัญที่ใช้บริหารจัดการและควบคุมระบบไฟฟ้าภายในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้การจ่ายไฟเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย
                        ระบบไฟฟ้าในอาคาร คือระบบที่ออกแบบและติดตั้งขึ้นเพื่อส่งและกระจายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และระบบต่าง ๆ ภายในอาคาร
                        การตรวจสอบตู้ควบคุมไฟฟ้า คือขั้นตอนสำคัญในการดูแลระบบไฟฟ้าให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ตู้ควบคุมไฟฟ้าทำหน้าที่บริหารและควบคุมการจ่ายพลังงานในอาคาร
                        รีเลย์ คืออะไร หลายคนอาจเคยเห็นอุปกรณ์ขนาดเล็กในตู้ควบคุมไฟฟ้า แต่ไม่รู้ว่ามันมีหน้าที่สำคัญเพียงใด ในความจริงแล้ว “รีเลย์ (Relay)” คืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ควบคุมการเปิด–ปิดวงจรไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ
                        บัสบาร์ (Busbar) คือ ตัวนำไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่ใช้ในระบบไฟฟ้าเพื่อส่งกระแสจากแหล่งจ่ายไฟไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในระบบอย่างมีประสิทธิภาพ
                        ตู้คอนโทรลไฟฟ้า คือ อุปกรณ์สำคัญในระบบไฟฟ้าที่ใช้สำหรับควบคุมและจัดการการจ่ายพลังงานไปยังส่วนต่าง ๆ ของอาคาร โรงงาน หรือเครื่องจักร เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด