ตู้คาปาซิเตอร์ คืออะไร มีหน้าที่สำคัญในการทำงานอย่างไรบ้าง

23 December 2025

ตู้คาปาซิเตอร์ คืออะไร

ตู้คาปาซิเตอร์ (Capacitor Bank) หรือที่เรียกกันว่า “แคปแบงค์” เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบไฟฟ้าเพื่อปรับปรุงค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ (Power Factor) ของระบบไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ตู้คาปาซิเตอร์ทำหน้าที่เก็บและปล่อยพลังงานไฟฟ้ารีแอคทีฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียพลังงานในระบบไฟฟ้าและช่วยให้การจ่ายไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตู้คาปาซิเตอร์ หน้าที่สำคัญในการทำงาน

หน้าที่สำคัญในการทำงานของตู้คาปาซิเตอร์ มีดังนี้

  • ปรับค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ (PF)

ตู้คาปาซิเตอร์ทำหน้าที่ปรับค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ให้สูงขึ้น โดยเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าเพื่อช่วยให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

  • ลดกำลังงานสูญเสีย

การใช้ตู้คาปาซิเตอร์ช่วยลดการสูญเสียพลังงานในรูปของความร้อนที่เกิดจากสายไฟและหม้อแปลง

  • ควบคุมพลังงานรีแอคทีฟ

ตู้คาปาซิเตอร์ประกอบด้วย PF Controller ที่ทำการตรวจวัดค่า PF และสั่งให้ Magnetic Contractor ต่อหรือปลดคาปาซิเตอร์จากระบบตามความต้องการ

  • ป้องกันการเสียค่า Reactive Power

ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดค่า Reactive Power (kVAR charge) ที่สูงเกินมาตรฐาน 0.85 ซึ่งอาจทำให้ต้องจ่ายค่าปรับจากการใช้พลังงานไฟฟ้า

  • ปรับขนาดตามการใช้งาน

ขนาดของตู้คาปาซิเตอร์จะถูกเลือกตามขนาดและลักษณะของโหลดไฟฟ้าที่ใช้ในระบบ เช่น Inductive Load หรือ Resistive Load

ตู้คาปาซิเตอร์

องค์ประกอบของ ตู้คาปาซิเตอร์

ตู้คาปาซิเตอร์ประกอบด้วยส่วนสำคัญหลายชิ้นที่ทำงานร่วมกันเพื่อควบคุมและปรับปรุงเพาเวอร์แฟคเตอร์ ได้แก่

  • ตัวเก็บประจุไฟฟ้า (Capacitor): ชิ้นส่วนหลักที่ทำหน้าที่เก็บและปล่อยพลังงานไฟฟ้า
  • อุปกรณ์ควบคุมค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ (Power Factor Controller): ใช้ตรวจวัดค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ของระบบและควบคุมการทำงานของคาปาซิเตอร์
  • อุปกรณ์ตัดต่อตัวเก็บประจุไฟฟ้า (Magnetic Contractor): ทำหน้าที่เชื่อมต่อและตัดการเชื่อมต่อของคาปาซิเตอร์กับระบบตามคำสั่งจากตัวควบคุม

ข้อดีของ ตู้คาปาซิเตอร์ ต่อระบบไฟฟ้า

การใช้ตู้คาปาซิเตอร์มีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

  • ลดค่าปรับจากค่า Power Factor ต่ำ: เมื่อค่า Power Factor ต่ำกว่า 0.85 จะต้องเสียค่าปรับ ซึ่งตู้คาปาซิเตอร์ช่วยปรับค่า Power Factor ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
  • ลดการสูญเสียพลังงาน: การปรับค่า Power Factor ให้สูงขึ้นช่วยลดการสูญเสียพลังงานที่เกิดจากความร้อนในสายไฟและหม้อแปลง
  • เพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายไฟฟ้า: การปรับปรุง Power Factor ช่วยให้การจ่ายไฟฟ้ามีความเสถียรและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตู้คาปาซิเตอร์ จำเป็นต่อโรงงานอุตสาหกรรมหรือไม่

ตู้คาปาซิเตอร์เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในโรงงานที่มีการใช้ไฟฟ้าจำนวนมากและอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างหนัก

ข้อดีของตู้คาปาซิเตอร์ในโรงงานอุตสาหกรรม

  • ช่วยปรับปรุงค่า Power Factor ให้สูงขึ้น ลดค่า Reactive Power (kVAR charge)
  • ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดค่าปรับจากการใช้ไฟฟ้าที่ไม่เหมาะสม
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในระบบไฟฟ้า
  • ลดความเสี่ยงจากอุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุดหรือทำงานผิดปกติ
  • ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวจากการจ่ายค่าไฟฟ้าแพงเกินไป

ข้อแนะนำในการเลือก ตู้คาปาซิเตอร์

การเลือกตู้คาปาซิเตอร์ควรพิจารณาหลายปัจจัย เช่น

  • ขนาดของคาปาซิเตอร์: ขึ้นอยู่กับขนาดของโรงงานและการใช้งานไฟฟ้า ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับโหลดไฟฟ้าที่ใช้งาน
  • ค่า Over Current: เลือกคาปาซิเตอร์ที่สามารถทนกระแสเกินได้
  • ค่า Dielectric losses: ควรเลือกคาปาซิเตอร์ที่มีการระบายความร้อนได้ดี เพื่อยืดอายุการใช้งาน

สรุป

ตู้คาปาซิเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการปรับปรุงคุณภาพไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม โดยการปรับค่า Power Factor ให้สูงขึ้น ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน และลดค่าใช้จ่ายจากค่าปรับ การติดตั้งตู้คาปาซิเตอร์จะช่วยให้ระบบไฟฟ้าในโรงงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเสถียร ควรเลือกขนาดและชนิดของคาปาซิเตอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของโรงงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

FAQ

Q: ตู้คาปาซิเตอร์ทำหน้าที่อะไร?

A: ตู้คาปาซิเตอร์ปรับปรุงค่า Power Factor โดยการเก็บและปล่อยพลังงานไฟฟ้ารีแอคทีฟ ช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานมีประสิทธิภาพและลดการสูญเสียพลังงาน.

Q: การติดตั้งตู้คาปาซิเตอร์มีข้อดีอย่างไร?

A: ช่วยลดการสูญเสียพลังงานในสายไฟและหม้อแปลง ลดค่าปรับจาก Power Factor ต่ำ และเพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายไฟฟ้า.

Q: ตู้คาปาซิเตอร์จำเป็นสำหรับโรงงานหรือไม่?

A: จำเป็นสำหรับโรงงานที่ใช้ไฟฟ้ามากและมีโหลดเหนี่ยวนำสูง ช่วยปรับ Power Factor และลดค่าปรับไฟฟ้า.

Q: การเลือกตู้คาปาซิเตอร์ควรพิจารณาอะไรบ้าง?

A: พิจารณาขนาดคาปาซิเตอร์ที่เหมาะสมกับโหลดไฟฟ้า, ค่า Over Current และค่า Dielectric losses

Q: ตู้คาปาซิเตอร์มีอายุการใช้งานเท่าไหร่?

A: ตู้คาปาซิเตอร์มีอายุการใช้งานประมาณ 11-17 ปี แต่ปัจจัยเช่น ความร้อนสูง การใช้งานเกินพิกัด หรือการติดตั้งที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น

หากคุณต้องการการออกแบบและติดตั้งตู้คาปาซิเตอร์สำหรับโรงงานของคุณ พร้อมทั้งบริการบำรุงรักษาและตรวจสอบคุณภาพอย่างครบวงจร ทีมงานจาก บริษัท เอสเค เพาเวอร์ อีเล็คทริค จำกัด ยินดีให้คำแนะนำและบริการด้วยมาตรฐานการทำงานระดับสากลเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในระบบตู้ไฟฟ้าของคุณ

สามารถดูข้อมูลสินค้าของเราได้ที่ >> SK Power Electric


☎️ Tel: 093-596-4288

🟢 Line: sk_powerelectric

📬 Email: sk_project2@hotmail.com

📘 Facebook: SK Power Electric

ผลงานของเรา

ตู้คอนโทรลโซล่าเซลล์ (Solar Control Panel) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมและจัดการพลังงานที่ได้จากแผงโซล่าเซลล์ เพื่อลดความซับซ้อนในการเดินสายไฟ
ตู้คาปาซิเตอร์ (Capacitor Bank) หรือที่เรียกกันว่า "แคปแบงค์" เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบไฟฟ้าเพื่อปรับปรุงค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ (Power Factor) ของระบบไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
เครื่องมือวัดไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดค่าต่างๆ ของไฟฟ้า เช่น แรงดันไฟฟ้า (Voltage), กระแสไฟฟ้า (Current), และความต้านทานไฟฟ้า (Resistance) การใช้เครื่องมือวัดไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นในการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า
ตู้ไฟฟ้าแรงสูงเป็นอุปกรณ์สำคัญในระบบจ่ายไฟฟ้าที่ใช้สำหรับควบคุม กระจาย และป้องกันไฟฟ้าที่มีแรงดันสูงกว่า 1,000 โวลต์ขึ้นไป มักพบในสถานีไฟฟ้าย่อย โรงงานอุตสาหกรรม
ตู้โหลดเซ็นเตอร์ (Load Center) เป็นตู้ควบคุมไฟฟ้าสำหรับอาคารขนาดกลางถึงใหญ่และโรงงานอุตสาหกรรม ทำหน้าที่กระจายกระแสไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายหลักไปยังวงจรย่อยต่างๆ
ตู้สวิตช์บอร์ด (Switchboard) เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในระบบไฟฟ้าของอาคารและโรงงานต่าง ๆ ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมและจัดการการกระจายกระแสไฟฟ้าไปยังวงจรต่าง ๆ ในระบบไฟฟ้า